ค้นหาบล็อกนี้

5/19/2558

แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น 5 วัน 4 คืน


จริงๆไปมา 1 ปีพอดี๊พอดีแล้วหล่ะ แต่พึ่งว่างและมีแก่ใจมาเขียนรีวิว 5555555
เริ่มเลยละกัน บังเอิญเปิดเจอโปรของ AirAsiaGo ได้โรงแรมพร้อมค่าเครื่องไปกลับ 5วัน4คืน โดยราคารวมแค่ 12000 กว่าๆ เลยโทรชวนเพื่อน แล้วก็โผล่มาได้ 1 คน (เย้ๆ ไม่ได้ไปคนเดียวแล้ว) และด้วยความที่ไปญี่ปุ่นครั้งแรก และไปเอง เลยต้องทำการบ้านเยอะหน่อย โชคดีช่วงที่ไปแจแปนเอลป์เปิดให้ขึ้นพอดี เลยจัดการใส่ไว้ในทริปเลย แล้วเพื่อนก็บอกไหนๆก็ไปญี่ปุ่นละ ขอไปดูสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นหน่อย ต้องไปให้เห็นฟูจิให้ได้ ก็จับมาใส่ไว้ในทริปอีกเช่นกัน จากนั้นก็มาเรียบเรียงเวลา ค่าใช้จ่าย การเดินทาง ที่พัก เพราะต้องจอง รร.เพิ่มจากเมืองที่ไปนอกเหนือจากโปรของ AAGo ระหว่างเรียบเรียงก็ศึกษารายละเอียดของการดำเนินชีวิตในแต่ละเมืองไปด้วย





อันนี้เป็นแพลนคร่าวๆ (ทำเป็นภาษาอังกฤษเผื่อ ตม.ที่ญี่ปุ่นขอดูทริป)




"วันเดินทาง" วันที่ 1 (16-05-14)

ไฟล์เราเป็นแบบต่อเครื่อง (ตอนนั้นTAAXยังไม่เปิด) ต้องไปต่อเครื่องที่KUL  เราเช็คอินแบบ Thru ไปเลย เพราะเวลาทรานเฟอร์น้อย กำหนดการคือเครื่องออกดอนเมือง(D7)ตอน ทุ่มครึ่ง และออกจาก KUL ตอนเที่ยงครึ่ง ถ้าตามนี้เราจะถึงKUL ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง(+เวลามาเลเซียเร็วกว่าเรา1ชม.) แต่ก็นะ เครื่องจากดอนเมืองดีเลย์คร๊าาา กว่าเครื่องจะออกจากดอนเมืองก็เกือบ 3 ทุ่ม คือสรุปแล้วไฟลท์วันนั้นถึง KULเกือบเที่ยงคืน แล้วไงหล่ะ ลงเครื่องได้นี่วิ่งเป็นกระต่ายตื่นเลย กลัวตกไฟลท์ไปชุบุ(เราบินลงสนามบินชุบุคะ) สุดท้ายก็หอบแหกๆพาร่างมาอยู่บนเครื่องไฟลท์AKได้ เครื่องออกจาก KUL เวลาตรงเป๊ะคะ 55555 ............

ท้องฟ้าแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย

รวบรัดตัดตอน หลับบนเครื่องแล้ว มาถึงดินแดนอาทิตย์อุทัยสนามบินชุบุละ (Central Japan International Airport สนามบินนี้อยู่ภูมิภาคชุบุ จังหวัดไอจิ) ที่นี่ลงเครื่องมาก็มารอผ่าน ตม.คะ ระหว่างเดินเข้ามาแอบเห็นมีเครื่องวัดความร้อนเป็นระยะ(คงเป็นระบบสแกนร่างกายคนที่ป่วยอะป่าวหว่า) คิวเยอะมากมาย พอมาถึงคิวเราเจอคุณ ตม.แว่น หน้าตาจุบุ สมกับอยู่หนามบินชุบุ555 พอยื่นพาสปอร์ตให้ ก็หันมองเราแปบ บอกเราถอดแว่น มองกล้อง สแกนลายนิ้วมือ ปั้มๆๆๆๆ แล้วก็เรียบร้อย โอ้ยยย ใครบอก ตม.ยุ่นโหด ออกจะง่ายสบายบรื๊อ

"วันที่ 2" (17-05-14)
ออกจากเกทมาแว้ววว ก็หาซื้อบัตร IC สำหรับใช้เดินทาง ส่วนของภูมิภาคนี้ใช้ Manaca 

แต่ตอนเราไปทุกบัตรทุกยี่ห้อนี่ใช้ร่วมกันได้ทุกภูมิภาคแว้ว (ใครไปโตเกียวจะคุ้นกับบัตร pasmo) นั่งรถไฟจากสนามบินเข้าตัวเมืองนาโกยา (Meitetsu Railway ) พอถึงก็ต่อรถไฟฟ้าไป รร. เช็คอิน รร.แล้วก็พักแปบนึ่ง จากนั้นก็...........พร้อมตลุย 
บ้านเมืองเค้าสะอาดมาก

หลังจากจัดของออกมากันละ เราแบ่งเสื้อผ้าใส่เป้มาแค่ชุดเดียว เพราะคืนแรกไม่ได้นอนนาโกย่า จะพาตัวเองไปนอนที่ Toyama เพราะเตรียมตัวขึ้น Japan Alp (Tateyama Kurobe Alpine Route)แต่เช้า
ออกจาก รร.มาแล้วก็เดินหาของกินก่อน 


เจอร้านราเม็งใกล้ๆ รร. อร่อยอยู่ (สงสัยหิว) ป้าเจ้าของใจดี พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่ก็สื่อสารด้วยมือและท่าทาง อยากกินไรก็ชี้ๆเอาในเมนู(ปล.อาหารที่ญี่ปุ่นชามใหญ๋มาก ยังงงผู้หญิงตัวเล็กๆญี่ปุ่นเค้ากินหมดได้ไง)


จากนั้นนั่งรถไฟฟ้ามาที่สถานีนาโกย่าอีกครั้ง เดินขึ้นมาจากสถานี่ เลี้ยวขวาไปตึกMeitetsu(ตึกที่เรามาจากสนามบินนั่นหล่ะ) ขึ้นไปชั้นสองซื้อตั๋ว HightWaybus ไป Toyama อันนี้ก็ตื่นเต้นอีกหล่ะ คือซื้อตั๋วแบบกระชั้นชิดมาก เหลือเวลา 3 นาทีที่จะวิ่งไปชานชลา แต่เสือกหาชานชลาไม่เจอเพราะชานชลาเยอะมาก (วิ่งเลย รีบเกิน ที่แท้อยู่ข้างจุดขาย) พอหาชานชลาเจอ ประตูชานชลาก็ปิด แล้วเราก็มองรถออกไปด้วยตาปริบๆ555555 เดินคอตกไปที่จุดขาย น้องคนขายยิ้ม แล้วเปลี่ยนตั๋วให้ฟรี เลยต้องรอรถเที่ยวต่อไปอีก 2 ชม.

ระหว่างรอรถบัส

 แต่การตกรถรอบนี้มีเรื่องดีๆคือ พอรถอีกเที่ยวมา ปรากฏว่าเจอคนไทย 2 คน พี่เค้าอยู่ญี่ปุ่น พูดญี่ปุ่นได้ และก็กำลังจะไปที่ Japan Alp (Tateyama Kurobe Alpine Route)เหมือนกัน 555555 เนียนเลย ได้เพื่อนร่วมทริป พอมาถึง Toyama ก็ลงรถแล้วพี่2คนเค้าก็ถามคนขับรถบัสเรื่องสถานีรถไฟที่จะพาเราไป Japan Alp พรุ่งนี้ ลุงคนขับรถก็ใจดีพาเดินมาส่งที่สถานีรถไฟ เราก็ดูรอบรถไฟไว้ จะได้เตรียมตัวออก รร.ถูกตอนเช้า แต่ก็มาเจอพี่ผู้หญิงคนไทยอีก 3 คน จะไปที่เดียวกันเลยพรุ่งนี้ เลยนัดเจอกัน 6.30 เพราะออฟฟิศขายตั๋วเปิด 7.00 นัดแนะกันเสร็จก็ไปตามหา รร. พี่ผู้ชายที่นั่งรถมาด้วยกันก็ช่วยเดินหา รร. แล้วก็รอจนเราเช็คอินหมด แล้วพี่เค้าก็ออกไปหา รร.ของเค้า
พอเข้า รร.แล้วก็ขอพูดถึง รร.หน่อย ที่ญี่ปุ่นนี่ รร.ราคาสักพันนี่ได้ดีเลย ห้องเล็กก็จริง แต่ก็จัดเป็นสัดส่วน อุปกรณ์ทุกอย่างสะอาด คือดีงาม (เคยไปฮ่องกงแล้ว รร.ห่วยมากกกก)



 ที่Toyama กลางคืนก็เงียบๆ เราเดินออกมาหาของกินด้านข้าง รร. อร่อยฟิน





 แล้วก็กลับไปอาบน้ำนอน อากาศเย็นสบาย 10 กว่าองศา อิอิ


วันที่ 3 (18-05-14)
กริ๊งๆ เช้าแล้ว เราตื่นตี4ครึ่ง เปิดม่านที่ห้องมา โอ้ววว พระอาทิตย์ขึ้นล๊าวววว พระอาทิตย์ที่นี่ขึ้นเร็วอะ (ตื่นเต้น) อาบน้ำแต่งตัว เก็บของแล้วก็ออกไปที่สถานีรถไฟ 
นาฬิกา 6 โมง ข้างนอกสว่างมาก

มาถึงก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา 
แกงค์ทัวร์บังเอิญ อิอิ

ณ.จุดนี้ทริปเปลี่ยนจากแพลนหน่อย เพราะเดิมทีเรากะว่าขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วกลับลงมาทางเดิม พี่ที่ร่วมทริปแกแนะนำให้ลงอีกฝั่งเลย จะได้เทียวครบทุกจุด ตอนแรกไอ่เราก็กลัว เพราะไม่ได้หาข้อมูลฝั่งนู้นมา แต่สุดท้าย จบที่ว่าพี่เค้าก็กลับนาโกย่าเหมือนกัน55555 เลยตามพี่เค้าเลย เราซื้อตั๋วรวมตั้งแต่สถานี Dentetsu-Toyama จนถึงสถานี Ogizawa ในราคาทั้งหมด 9,490 เยน ตั๋วเป็นลักษณะใบเดียวใช้ได้ทุกจุด (ฉะนั้นห้ามทำหาย เพราะตรวจตั๋วทุกจุด) 
 ตั๋วคะตั๋ว อันนี้อย่าทำหายน๊า
 รถไฟมาแว้ว
ก่อนขึ้นรถ


 วิวระหว่างทาง



 นั่งรถไฟประมาณ 1 ชม. ก็ถึงสถานี Tateyama จากนั้นไปยืนรอต่อแถวขึ้น Cable Car  ใครมาเที่ยวเองก็ไปยืนรอที่ช่อง 1 Individual Gate  มีจอบอกองศาด้านบนแต่ละจุดด้วย ที่นี่จะมี จนท.มาแจกโบชัวร์แนะนำด้วย (มีภาษาไทยด้วยหล่ะ แปลว่าไทยเที่ยวไม่น้อยกว่าชาติใด555) 
สถานี Tateyama
บนเคเบิลคาร์
มีเอกสารแนะนำเป็นภาษาไทยด้วย

มีมอนิเตอร์บอกระดับความสูงและอุณหภูมิแต่ละสถานีด้วย

ถึงสถานี Bijodaira แย้ววววขึ้นมาต่อคิวขึ้น High Land Bus เพื่อที่จะไปสถานี Murodo  นั่งบัสออกมาสักแปบจะเริ่มเห็นหิมากองๆตามข้างทาง เยอะขึ้นๆๆๆๆๆๆๆจนสูงๆๆๆขึ้นเป็นกำแพง
วิวเริ่มสวย


ถึงสถานี Murodo แล้ว อากาศเย็นหล่ะสิ คนเยอะมากด้วยยยย เดินขึ้นไปชั้นสองเดินเล่นลานที่มีแต่หิมะขาวๆ (ต้องเตรียมแว่นกันแดดไปด้วยนะ แสงแดดเมื่อสะท้อนกะหิมะแล้วคือสว่างจ้ามาก) แอบร้อนจากแสงแดด แต่ก็ยังหนาวๆอยู่ 








 เดินลงมาชั้น 1 ออกไปชมกำแพงหิมะ สูงมาก สูงกว่ารถบัสอีกง่ะ สองคนกะเพื่อนนี่ฟินๆๆๆๆ เล่นหิมะกันไป ถ่ายรูปกันไป พอครบเวลานัดกันกับพี่ๆแกงค์ทัวร์จำเป็นของเราก็มารอ พอครบทีม 7 คนก็พร้อมออกสู่สถานีต่อไป 






มาต่อคิวขึ้น Trolley Bus ลอดอุโมงค์ยอดเขา Tateyama ไปสถานี Daikanbo แต่ใช้เวลาแปบเดียวเอง เร็วกว่าตอนต่อคิวอีก55
สถานี Daikanbo เป็นจุดแวะพักที่มีร้านขายของที่ระลึก ซุ้มอาหาร และที่นั่งให้บริการ คนเยอะเหมือนเดิม แต่วิวดีมาก หาอะไรกินเบา เดินดูวิวไป ชิลมาก (สถานีนี้ลืมถ่ายรูป สงสัยมัวหิว555)
สถานีต่อไป เราต้องนั่ง Ropeway ขึ้นไปที่สถานี Kurobedaira แอบตื่นเต้นตอนนั่ง Ropeway อิอิ พอถึงที่สถานี Kurobedaira แล้ววิวสวยมาก




จากนั้นก็ ขึ้นเคเบิลคาร์มาที่สถานี  Kurobeko สถานีนี้เป็นเขื่อน น้ำเขียวมาก


 วิวดี หนาวด้วย ลมแรงมาก เดินไปหาตู้กดกาแฟร้อนกิน อิอิ ด้านในตึกจะมีคำแนะเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนนี้ด้วยหล่ะ 


จากสถานีนี้ ก็ไปขึ้น Trolley Bus ไปที่สถานี Ogizawa สถานีปลายทางจร้า (รถบัสจะวิ่งทางที่เค้าใช้ขนของมาสร้างเขื่อนเดิม) 
แปบเดียวก็มาถึงสถานี Ogizawa ละ เราซื้อตั๋วรถบัสต่อเพื่อจะไปสถานีรถไฟ Shinano Omachi
มาถึง Shinano Omachi สถานีรถไฟเล็ก น่ารักดี 

เราซื้อตั๋วรถไฟไป Mutsumoto เพื่อไปเปลี่ยนสายรถไฟที่นั่นกลับนาโกย่า  ตอนรถไฟมาถึงสถานี Mutsumoto เค้าจะประกาศ มัสซีโมโตะ มัสซึโมโตะะะะะะะะ(ลากเสียงยาวๆ) เล่นเอาขำ ขนาดพี่สองคนอยู่ญี่ปุ่นมาหลายปียังขำเลย55555
                                                     บนรถไฟไปMutsumoto

       แล้วก็กลับมาถึงสถานีนาโกย่า (พี่สองคนนั่นลงก่อนสองสถานีคะ) จากนั้นเราก็ต่อรถไฟจากสถานีนาโกย่าไปสถานี Fushimi เป็นสถานีที่อยู่ใกล้ รร.เราที่สุด

 พอถึงก็จัดแจงหาไรกิน เดินชมนาโกย่าทาวเวอร์ เดินดูผู้คนว่ากลางคืนทำไรกัน จากนั้นก็กลับ รร. หมดแรง หลับ5555






ชอบถ่ายรูปฝาท่อ แต่ละเมืองจะมีรูปต่างกัน


เช้าของอีกวันแล้ว วันนี้ตื่นที่นาโกย่า เตรียมตัวเดินทางเที่ยวต่อ(เก็บเสื้อผ้าใส่เป้แค่ชุดเดียวเหมือนเดิม) แพลนวันนี้คือเดินเที่ยวปราสาทนาโกย่ากับวัด Osu Kannon และก็นั่งชินคังเซ็นไป Mishima (จริงๆเราแพลนนั่งรถบัสไป-กลับ เพราะประหยัด ค่ารถไฟชินคังเซ็นมันแพง แต่เพื่อนบอกมาญี่ปุ่นทั้งที อยากนั่ง ก็เลยจัดไป) แต่ด้วยรอบรถไฟชินคังเซ็น ทำให้เราได้เที่ยวแค่ Osu Kannon 



ด้านหลังวัดจะมีที่ช็อปปิ้งด้วย


แล้วก็กลับมาขึ้นชินคังเซ็นที่นาโกย่าสเตชั่นนนน สถานีรถไฟชินคังเซ็นที่นาโกย่าคนเยอะมากกกก อาจเพราะเป็นศูนย์กลางที่รวมรถไฟทุกสายทุกภูมิภาคต้องมาผ่าน
ด้านหน้าสถานีรถไฟ
 (เป็นที่ตั้ง ตึก JR Central Tower สำนักงานใหญ่ของรถไฟ JR) 
ตึก JR Central Tower ตอนกลางคืน
ซื้อตั๋วรถไฟมาแล้ว
ตั๋วรถไฟชินคังเซ็น ขบวน Hikari 466 ตู้ที่ 12 ที่นั่ง 10A

 ศึกษาวิธีขึ้นรถไฟให้ไม่ผิดขบวนไม่ผิดตู้ ซื้อข้าวกล่อง เดินขึ้นไปรอรถ แปบเดียวรถไฟก็มา (คนญี่ปุ่นเข้าแถวขึ้นรถไฟรถบัสฯลฯกันนะคะ อย่าแซงเค้าน๊า) 



เมื่ออยู่บนรถไฟก็จัดการหม่ำๆๆๆๆ เราซื้อข้าวหน้าเนื้อใจเสือ เอ้ย หน้าเนื้อเฉยๆมาคะ 

ถึงสถานีMishima แล้ว ออกทางประตูทิศใต้ ออกมาเลี้ยวซ้ายไปซื้อตั๋วรถบัสนั่งไป Yamanshi (ทะเลสาปทั้ง 5 ของฟูจิ) เราเลือกมาที่เมืองนี้เพราะคิดว่าสงบกว่าที่ kawaguchiko เพราะที่นั่นนักท่องเที่ยวเยอะ ซื้อตั๋วบัสแบบไป-กลับ (ประหยัดกว่า) เวลาลงรถที่ไหน ขากลับก็มาขึ้นที่เดิม
จุดจอดรถคะ เราลงป้าย Mt.Fuji Yamanakako (Hotel Mt.Fuji Iriguchi)

ลงรถแล้วก็เดินนิดนึงก็มาถึงที่พัก Guesthouse Hotorinite เป็นเกสเฮาส์เล็กๆ น่ารัก เจ้าของใจดีมากกก เป็นบ้านเก่าแก่สร้างมากว่าร้อยปี แต่ทำเป็นเกสเฮาส์มาประมาณ 60 ปี เจ้าของเล่าว่าเค้าเป็นรุ่นที่ 3 ที่ดูแลที่นี่ (จำชื่อเจ้าของไม่ได้ จำได้แต่ว่าใจดีมาก) 
เจ้าของเกสเฮาส์


ทริปวันนี้เป็นทริปที่พอดีมา แบบขึ้นรถลงรถอะไรก็พอดีไปหมด ฟินมาก ที่เกสเฮาส์มีจักรยานให้ยืมปั่นเลียบทะเลสาปด้วย ปั่นๆไปจุดชมวิวดูฟูจิ เสียดายมีเมฆบังครึ่งนึง 






พอเริ่มเย็น เราก็ปั่นไปกินข้าว  ร้านนี้เจ้าของเกสเฮาส์แนะนำ เป็นร้านดังประจำเมือง อาหารอร่อย (ชามใหญ่มากๆซุปเปอร์มาก) สรุปอร่อยแค่ไหนก็กินไม่หมด5555555







ทานมื้อเย็นเสร็จก็กลับที่พัก ที่นี่ต้องปูที่นอนเองเหมือนสมัยโบราณของเค้า(จำชื่อวิธีการปูที่นอนแบบนี้ไม่ได้) 


ตื่นเช้ามาอีกวันแว้วววว มองเห็นฟูจิอยู่หลังบ้านเล๊ยยย 



 ทริปวันนี้คือเที่ยวรอบทะเลสาป ใช้ Restro Bus ของแต่ละทะเลสาปนั่นเอง มีจอดเป็นจุดๆอยากเที่ยวจุดไหนก็ลง แล้วสัก 45 นาทีอีกคันก็จะวนๆมา แต่เราลงไม่ทุกจุด เพราะเวลาจำกัด


 ไปลงที่ oshino hakkai แม่น้ำที่เกิดจากตะกอนภูเขาไฟ




 เดินเที่ยวๆ แต่ด้วยรถบัสมีรอบมาช้ากว่าเดิม เลยต้องเดินๆๆๆ กลับมา (5กิโลเห็นจะได้) ระหว่างทางก็แวะไหว้ศาลเจ้าต่างๆที่เค้าสร้างไว้บูชาเทพเจ้าที่เค้าว่าอยู่บนภูเขาฟูจิ ได้ไหว้อยู่ สองศาลเจ้า 
 ระหว่างเดินกลับมีทุ่งทิวลิปด้วย แต่ยังไม่บานเต็มที่




 ไปไหนๆก็ถ่ายท่อ (ถ่ายหาท่อหราา)

เดินมาถึง Bus Stop ที่เดิมที่เราลงเมื่อวาน นั่งรอรถ แล้วรถก็มา คนขับก็มาตามหาเราด้วย เพราะมีบันทึกอยู่ (เพราะเราซื้อแบบไปกลับไง) ขากลับรถจะวนมาส่งเราถึงด้านหน้าสถานีรถไฟชินคังเซ็น มาถึงก็ไปซื้อตั๋วแล้วก็ขึ้นรถ ที่สถานีนี้มองเห็นฟูจิชัดเจนคะ พอกลับมาถึงนาโกย่าก็รีบหาของกินก่อนเลย หิวมากๆ กินๆๆ เดินช็อปแปบนึง ก็กลับเข้า รร. เตรียมเก็บของ เพราะตอนเช้าต้องรีบออกไปสนามบิน ก่อนนอนแอบขนเหรืยญที่แสนหนักอึ่งไปซื้อของในสโตร์หน้า รร. (ก็เหรียญมันแลกคืนเป็นเงินไทยไม่ได้ แถมหนักอีก ซื้อของซะเบย)
ตื่นเช้าจัดการเช็คเอาท์ นั่งรถมาที่สถานีนาโกย่าเหมือนเดิม แล้วนั่งรถไฟไปสนามบินต่อ ก่อนกลับก็ดันมีเหตุให้ตื่นเต้นอีก คือเราขึ้นรถไฟผิด มารู้ตัวตอนผ่านสองสถานี เลยถามน้องวัยรุ่นญี่ปุ่น น้องเค้าพูดอังกฤษไม่ได้ แต่ใช้วิธีลงรถมาส่งเราขึ้นรถไฟคันที่ถูกต้อง รู้สึกของคุณน้องเค้าจริงๆ เรามัวกลัวตกเครื่องเลยไม่ทันได้ถ่ายรูปด้วยเลย แต่รู้สึกขอบคุณน้องเค้าจริงๆ มาถึงสนามบินก็จัดการแลกบัตร Monaca คืน (ใช้บัตรนี้ตลอดเลยเวลาขึ้นรถไฟ) มาเช็คอินกลับ 
แต่มามีเหตุตื่นเต้นอีกละ คือ D7 ข่ะ (อีกแล้ว ขามาก็ทีละ) ดีเลย์ซะงั้น เรามีไฟลท์ที่ต้องต่อจากดอนเมืองกลับเชียงใหม่ด้วย กลัวตกเครื่องมาก มาถึงดอนเมืองคือรีบวิ่งเข้าหากราวน์แอร์เอเชียก่อนเลย เค้าก็วิทยุขอให้รอเราแปบนีง เพราะเราต้องรอกระเป๋า ตอนรับกระเป๋านี่เซ็งอีก คือขาลากกระเป๋าหัก ทั้งของเราและของเพื่อน เลยต้องหิ้วกระเป๋าใหญ่วิ่ง ตอนวิ่งเข้าไปเกทนี่เพื่อนก็ลืมเป้ไว้ตอนแสกน แถมเกทอยู่ 72 สุดทางเล๊ยยย วิ่งไปถึง คือเหลือแค่เรากะพี่อีกกลุ่มนึ่งสัก4-5คน นั่งรถตู้ไปขึ้นเครื่่อง พอเดินถึงหน้าประตูเครื่องหล่ะ เพื่อนบอกกระเป๋าหาย(พึ่งนึกได้) แอร์เลยขอให้นั่งก่อน แล้วทางนี้จะช่วยติดตามให้ เราก็เลยบินมาเชียงใหม่ พอถึงเชียงใหม่ที่กรุงเทพก็โทรมาบอกว่าเจอกระเป๋าแล้ว จะส่งให้พรุ่งนี้ จบทริปอันแสนสนุกด้วยความตื่นเต้น เจอกันอีกทีซัปโปโร่นะแจ๊ะ ไปแล้นนนนน